เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 ธันวาคม พ.ต.ต.สมศักดิ์ เม็กขุนทด สารวัตรเวร สภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายจำนวนหลายคนบุกเข้าปล้นทรัพย์ถึงในบ้านของผู้อื่น เหตุเกิดบ้านเลขที่ 65 หมู่ 12 ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี หลังรับแจ้ง พ.ต.ต.สมศักดิ์จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นออกเดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา ผกก. พ.ต.ท.สุรวุฒิ แสงรุ่งเรือง รอง ผกก.ป.พร้อมกำลังอีกจำนวนหนึ่งทันที
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกอยู่ภายในสวนไม้ผลตั้งอยู่หลังเดียวกลางทุ่งนา โดยอยู่ห่างจากวัดเกริ่นกฐินไปประมาณ 1 กม. เจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายเฉลียว พึ่งครุฑ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ยืนรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวจำนวนหลายคน โดยนายเฉลียวกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า ก่อนที่ตนจะถูกคนร้ายซึ่งมีทั้งหมด 5 คน อายุระหว่าง 30 – 35 ปี 4 คน และอายุ 50 ปีเศษ 1 คน บุกเข้ามาปล้นครั้งนี้ ขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ในสวนข้างบ้าน ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนด์จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ขับเข้ามาจอดในบ้าน และคนในรถเดินลงมาถามซื้อยางรถยนต์เก่า ซึ่งตนเก็บเอาไว้จำนวนมากว่า ขายหรือไม่ ซึ่งตนก็ตอบไปว่าขาย และได้มีผู้ชาย 2 คน เดินเข้ามาทางด้านพร้อมกับจับแขนของตนไว้ พร้อมพูดข่มขู่ว่าไม่ให้ขัดขืนไม่อย่างนั้นจะฆ่าให้ตาย และชายทั้ง 2 คนได้หิ้วตนในลักษณะหิ้วปีกเข้าไปในบ้าน พร้อมกับผู้ชายที่ถามซื้อยางเก่า ส่วนอีก 2 คนคุมเชิงอยู่ข้างนอกบ้าน
นายเฉลียว กล่าวต่อว่า หลังจากที่คนร้ายพาตนเข้าไปในบ้านแล้ว ได้ช่วยกันจับตนมัดมือ มัดเท้า และปิดปาก ปิดตาด้วยผ้าเทป จากนั้นอุ้มไปขังเอาไว้ในห้อง และคนร้ายได้ลงมือค้นหาทรัพย์สินภายในบ้าน โดยใช้เวลานานประมาณครึ่งชั่วโมง จึงได้ยินเสียงรถยนต์ขับออกไปจากบ้าน ตนจึงออกแรงดิ้นช่วยเหลือตนเอง โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เชือกที่มัดขาจึงหลุดออก ตนจึงวิ่งออกไปนอกบ้านทั้งๆ ที่มือยังถูกมัด ปากและตายังถูกปิดด้วยผ้าเทป ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ขับรถผ่านไปมา หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือแก้มัดให้แล้ว จึงรีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้ช่วยแจ้งตำรวจเดินทางมาตรวจสอบและสกัดจับคนร้าย
จากนั้นนายเฉลียวได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบตามห้องต่างๆ ซึ่งมีหลายห้อง และพบว่า ภายในห้องพักถูกคนร้ายรื้อค้นหาทรัพย์สินจนกระจายเต็มห้อง และจากการตรวจสอบพบว่า มีทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วย พระเครื่องและพระบูชาซึ่งเป็นของเกจิอาจารย์ชื่อดังและเป็นของเก่าถูกคนร้ายลักเอาไปจำนวนกว่า 300 องค์ อาวุธปืนยาวไรเฟิลแม็กนั่ม 1 กระบอก มีดดาบหลวงพ่อเดิมและมีดหมอหลวงพ่อเดิมอีกหลายเล่ม ตำรวจจึงบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวนนายเฉลียวทราบว่า พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวกับหลานอีก 2 คน และกำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.3 และชั้น ป.6 ส่วนภรรยาและลูกๆพักอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ สำหรับพระเครื่องและพระบูชาที่ถูกคนร้ายปล้นเอาไปครั้งนี้ ตนไม่คิดขาย เพราะเป็นพระเก่าจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ทิม, หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, หลวงพ่อเดิม, หลวงพ่อพรหม, หลวงพ่อมี, หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐินรุ่นแรกๆ ในส่วนของพระบูชามีทั้งพระเชียงแสน หลวงพ่อโสธร รุ่นก้นบาตร ซึ่งซื้อหากันเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท
นายเฉลียวกล่าวต่ออีกว่า สำหรับคนร้ายที่บุกเข้ามาปล้นตนกลางวันแสกครั้งนี้ เท่าที่ตนเห็นหน้ามั่นใจว่าไม่ใช่คนในพื้นที่อย่างแน่นอน แต่คนในหมู่บ้านอาจเป็นสายให้มาปล้นก็เป็นได้ เพราะในหมู่บ้านมีหลายคนที่เคยมาดูพระของตนนั่นเอง หลังทราบเรื่อง พ.ต.ต.สมศักดิ์ สารวัตรเวรฯได้จดบันทึกที่เกิดเหตุเอาไว้เป็นหลักฐาน และจะได้ออกติดตามสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมกันนี้ก็ได้แจ้งศูนย์วิทยุ สภ.บ้านหมี่ กระจายข่าวให้สายตรวจรถยนต์ สายตรวจรถ จยย.และตามป้อมตำรวจต่างๆทั้งในเขตอำเภอบ้านหมี่ และใกล้เคียงสกัดจับคนร้าย แต่ไม่พบวี่แววแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวต่อว่า สำหรับนายเฉลียวนับว่าเป็นคนที่มีฐานะคนหนึ่ง เดิมพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและมาซื้อที่ดินในเขตตำบลบ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี กว่า 50 ไร่ ทำสวนไม้ผลและทำนาพร้อมขุดบ่อเลี้ยงปลา นอกจากนี้ยังผลิตครีมทาทรวงอกออกขายให้กับสุภาพสตรีที่มีหน้าอกหย่อนยานอีกด้วย ซึ่งกิจการก็เป็นไปด้วยดี เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้แล้วจะเห็นผล แถมราคาที่จำหน่ายก็ไม่แพงอีกด้วย